กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงชั้นนำ
1. ใช้ Stop-Loss และ Take-Profit
อย่าเทรดโดยไม่มีจุดตัดขาดทุน อัตราส่วนที่ดีคือ:
- ความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (RR) = 1:2 หรือ 1:3
- ตัวอย่าง: เสี่ยง 50 pips เพื่อสร้าง 100 pips
2. การกำหนดขนาดตำแหน่ง
คำนวณขนาดล็อตก่อนเข้าทำการซื้อขาย
- ตัวอย่าง: ด้วยบัญชีมูลค่า 1,000 ดอลลาร์ เสี่ยง 2% = 20 ดอลลาร์
- ที่จุดตัดขาดทุน 20 pip คุณจะซื้อขาย 0.10 ล็อต
3. การกระจายความเสี่ยง
อย่าลงทุนทั้งหมดกับคู่เงินเดียว เทรดหลายคู่เงินเพื่อกระจายความเสี่ยง
4. หลีกเลี่ยงการใช้เลเวอเรจมากเกินไป
ผู้เริ่มต้นไม่ควรใช้เลเวอเรจเกิน 1:200 จนกว่าจะมีความสม่ำเสมอ
5. การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
ตลาดมีวิวัฒนาการ อัปเดตข้อมูลด้วยการวิเคราะห์ จิตวิทยาการซื้อขาย และเครื่องมือบริหารความเสี่ยง
ตัวอย่างการปฏิบัติจริงของการบริหารความเสี่ยง
ลองนึกภาพว่าคุณมี บัญชีเงิน 500 ดอลลาร์
- คุณเสี่ยง 2% ต่อการซื้อขาย = 10 ดอลลาร์
- จุดตัดขาดทุนของคุณอยู่ที่ 25 pips
- มูลค่า Pip สำหรับ 0.04 ล็อต ≈ $0.40/pip
หากการค้าขายเป็นไปในทางตรงกันข้ามกับคุณ คุณจะสูญเสียเพียง $10 เท่านั้น ซึ่งจะทำให้บัญชีของคุณปลอดภัย
ทำซ้ำขั้นตอนนี้อย่างสม่ำเสมอ บัญชีของคุณจะสามารถอยู่รอดได้ในระยะยาวพร้อมกับสร้างกำไรทบต้นไปด้วย
รายการตรวจสอบการจัดการความเสี่ยงด้านฟอเร็กซ์
- อย่าซื้อขายโดยไม่มีจุดตัดขาดทุน
- ความเสี่ยง ≤ 2% ต่อการซื้อขาย
- หลีกเลี่ยงการซื้อขายในช่วงที่มีข่าวสำคัญ (เว้นแต่จะมีประสบการณ์)
- เลือกโบรกเกอร์ที่มีการควบคุม
- เก็บสมุดบันทึกการซื้อขาย
- จัดการอารมณ์ก่อนทำการซื้อขาย
การซื้อขายฟอเร็กซ์เป็นตลาดที่มีโอกาสสูงและมีความเสี่ยงสูง ความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับการคาดการณ์ตลาดอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ขึ้นอยู่กับ การบริหารความเสี่ยงอย่างชาญฉลาด
ความเสี่ยงหลักๆ ได้แก่ เลเวอเรจ ความผันผวน ความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์ สภาพคล่อง จิตวิทยา และปัญหาทางเทคนิค ด้วยกลยุทธ์ที่เหมาะสม เช่น การกำหนดจุดตัดขาดทุน การกำหนดขนาดสถานะ การกระจายความเสี่ยง และวินัยทางอารมณ์ คุณสามารถลดการขาดทุนและเพิ่มผลกำไรระยะยาวได้สูงสุด
โปรดจำไว้ว่า: การเทรดไม่ใช่การชนะทุกครั้ง แต่คือการปกป้องเงินทุนและรักษาความสม่ำเสมอ รับโบนัสต้อนรับ $50 เลยตอนนี้




